Forwardmag.com' Artist

Far East Movement - G6 เอเชี่ยนผยอง

Far East Movement

4 หนุ่มชาวเอเชียที่บรรพบุรุษของพวกเขาไปตั้งรกรากอยู่ใน Koreatown, LA เจ้าของซิงเกิ้ล Like A G6 ที่โดดขึ้นไปอยู่อันดับ 1 Billboard Hot100 อย่างไวปานวอก ด้วยดนตรี Electro/ Hip Hop อันแสนจะทันสมัยนิยม

 

Kev Nish, Prohgress, J-Splif และ DJ Virman นำเสนอชาว Japanese, Chinese,Korean, และ Filipino ในรูปแบบคนเอเชียยุคใหม่มาแรงได้อย่างไม่ล้าหลังตามฝรั่งตาน้ำข้าวแม้แต่นิดเดียว เริ่มจากการเปิดตัวในงานการกุศลเพื่อหาเงินเข้าสถานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่ชื่อ Movementality จากนั้นมา พวกเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากซิงเกิ้ล Round Round ที่ไปโผล่ในหนังใหญ่อย่าง The Fast And The Furious: Tokyo Drift และวิด๊โอเกมของหนังเรื่องนี้ด้วย  ทำให้ซิงเกิ้ลนี้และ 4 หนุ่มของเราดังเป็นพลุแตก มีงานเล่นทั้ง CSI : Miami, CSI:NY, HBO’s:  Entourage,Gossip Girl, และ Finish The Game (เป็น featured film ที่ Sundance ในปี 2007) และที่เด็ดที่สุดคือ ได้เข้าร่วมงานฮิพฮ็อพระดับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฝั่งเวสต์โคสต์อย่างงาน Power 106's Powerhouse ในปี 2009 โดยเล่นเวทีเดียวกับศิลปินฮิพฮ็อพระดับตัวเป้งอย่าง Jay-Z,Kid Cudi,Sean Paul,New Boyz, Pitbull,Lil Jon,LMFAO,Ya Boy,Flo Rida, และ The Black Eyed Peas นับได้ว่าเป็นกลุ่มศิลปินเอเชียกลุ่มแรกที่ขึ้นถึง 10 อันดับแรกของเมนสตรีมป็อปชาร์ตในเมืองลุงแซม

 

หนุ่มๆ เหล่านี้ได้เซ็นเข้าสังกัด Cherrytree Records ซึ่งเป็นสังกัดย่อยจาก Interscope Records อีกทีนึง ช่วงหลังๆ มานี่ พวกพี่แกก็ดังมากขึ้นกว่าเดิมอีกโข ได้เล่นซัพพอร์ทให้กับ Robyn และ Kelis แถมยังไปเล่นเปิดให้สาวเรื้อนอย่าง Lady Gaga ใน Monster Ball Tour ที่ญี่ปุ่น

 

อัลบั้ม Free Wired นั้นเป็นอัลบั้มล่าสุดที่ออกภายใต้ร่มไม้ของ Interscope Records ซึ่งปล่อยออกมาในวันที่ 12 ตุลาที่ผ่านมานี้เอง โดยงานชุดนี้ มีศิลปินระดับหัวกะทิมาร่วมงานเต็มไปหมด Keri Hilson,Lil Jon,Snoop Dogg (ร่วมเขียนเพลงกับ Bruno Mars, Mohombi, Colette Carr, Natalia Kills, และ  Ryan Tedderจาก OneRepublic (เห็นมั้ยครับ แรงขนาดไหน)

ซิงเกิ้ลล่าสุด Like A G6 นั้น หนุ่มๆ ได้ร่วมงานกับคู่ดูโอฮิพฮ็อพอย่าง The Cataracs และสาวอีเลคโทรที่เคยเป็นนักว่ายน้ำมาก่อนอย่าง DEV ซึ่งขึ้นไปแตะถึงอันดับแรกสุดของชาร์ตบิลบอร์ดและ iTunes ได้แพลตินั่มไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียน FM ยอดขายซิงเกิ้ลก็ฟันไปแล้วไม่ต่ำกว่าล้านก็อปปี้ (ลองครับ ฟังเพลินๆ อันดับ 1 US. การันตี)

 

by : Seth Chotiwong

KiD CuDi แหกกฏอย่างมีชั้นเชิง

KiD CuDi

หนึ่งในเด็กปั้นของ Kanye West ที่นับได้ว่ารุ่งกว่าคนอื่นหลายขุมจากซิงเกิ้ล Day n Nite ที่พีคสุด Top 5 บิลบอร์ด จากอัลบั้มเดบิวท์ Man On The Moon ของเขานั่นเอง

 

ไม่ธรรมดาเลยกับหนุ่มจากคลีฟแลนด์คนนี้ ที่เลิกเรียนกลางคัน ย้ายมาลงหลักปักฐานที่บรูคลินนิวยอร์กเพื่อจะทำความฝันในวงการดนตรีให้เป็นจริง และในเดือนกรกฎาคมปี 2008 เขาก็ได้ออกมิกซ์เทป A Kid Named Kudi โดยได้ทำอัลบั้มนี้ร่วมกับยี่ห้อเสื้อผ้าแนวสตรีท 10.Deep ปล่อยให้โหลดกันฟรีๆ ทางอินเตอร์เน็ต  และก็อีกนั่นแหละ มิกซ์เทปนี้ก็ดันไปสะดุดหู Kanye West เข้าอย่างจัง เลยทำให้ตัว Kid Kudi ได้เก็บของย้ายเข้าค่าย Good Music ไปโดยปริยาย Kanye นั้นให้โอกาศเขามาร่วมทำเพลงใแอัลบั้มนอัลบั้ 808s & Heartbreak นปี 2008 โดยที่เขานั้นเขียนเพลง Heartbreak ที่ขึ้นไปสูงสุดอันดับ 2 ของบิลบอร์ด Hot 100 และยังได้มาร่วมร้องในเพลง Welcome To Heartbreaker ที่ขึ้นไปถึงอันดับ 87 ของบิลบอร์ด Pop 100 แถมเขายังโผล่ไปตามสื่อต่างอีกมากมาย ไม่ว่าจะ  Rolling Stone, Vibe, The Source, แล XXLแม้กระทั่งงาน MTV Music Award 2008 ก็ยังไปพร้อมๆ กับเพื่อนตัวดีอย่าง Travis Barker แห่ง Blink 182 และก็ยังมีดีเจหัวเห็ด DJ AM อีกนายหนึ่ง

 

แรงบันดาลใจของกระทาชายนายนี้นับว่าไม่ใช่ขี้ๆ เลยครับ เขาฟัง และโตมากับฮิพฮ็อพตำนานฝั่งอีสต์โคสต์อย่าง A Tribe Called Quest และฮิพฮ็อพเวสต์โคสต์รุ่นเก๋าปากจัดอย่าง The Pharcyde เมื่อบวกกับบุคลิกลักษณะความคิดหัวขบถของเขา ทำให้เพลงของเขานั้นค่อนข้างฉีก และแปลกไปจากฮิพฮ็อพรุ่นเดียวกันเยอะมาก ทั้งด้านซาวนด์และเนื้อหา และด้วยเหตุนี้ ศิลปินฮิพฮ็อพรุ่นเก๋าหลายๆ คนอย่าง Jay Z หรือ Snoop Dogg ต่างก็ยอมรับในตัวเขา และยังให้เขามามีส่วนร่วมในหลายๆ เพลง และยังไปออกทัวร์ The Hangover Tour กับ Asher Roth อีกด้วย  นอกจากนั้น ด้วยความที่เป็นคนหัวใหม่ที่เข้าใจว่าเพลงฮิพฮ็อพนั้นก็สามารถทำร่วมกับแนวเพลงอื่นๆ ได้ ทำให้ Kid Kudi นั้นได้ร่วมงานกับศิลปินดังๆ อีกหลายรายเช่น Vampire Weekend, Shakira, Johnny Polygon, Hudson, A-Trak, Talib Kweli, Robin Thick, MGMT, 3OH!3, Dan Black, Kevin Rudolf

 

อัลบั้มแรก Man On The Moon : The End Of Day ของ Kid Kudi นั้นขายดิบขายดีมากมาย เพียงแค่สัปดาห์ก็กดไปถึงแสนกว่าก็อปปี้ ซึ่งนับว่าน่าแปลกมากในสมัยนี้ที่กระแสดาวน์โหลดเพลงทางอินเตอร์เน็ตนั้นแทบจะทำลายวงการเพลงซะย่อยยับ ซิงเกิ้ล Day n Nite ก็ยังขึ้นไปถึงอันดับ 4 ในบิลบอร์ด 100 อีกด้วย ซิงเกิ้ลต่อมา Make Her Say ซึ่งใช้แซมเพลอร์ของเพลง Poker Face เวอร์ชั่นอคูสติกของสาวสุดเพี้ยน Lady Gaga โดยมีแร็พเปอร์สุดหล่ออย่าง Common และตัวพ่อ Kanye West มาแร็พให้ในเพลง แถมอัลบั้มนี้ ยังได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจาก The Boston Globe อีกด้วย

 

นอกจากนี้ เพลง Sky Might Fall ของเขายังไปโผล่ในทีเซอร์ของหนัง Transformers: Revenge of The Fallen อีก ทำให้หนุ่มเนื้อหอมคนนี้กลายเป็นขวัญใจมหาชน และด้วยลักษณะการแต่งตัวแบบสตรีทจ๋าของเขา ทำให้ยี่ห้อเสื้อผ้าอย่าง BAPE ได้ทำเสื้อเชิ้ต CuDi Collection ออกมาขายดิบขายดีในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และยังให้เขาเป็นนายแบบหลักของ Summer Collection อีกต่างหาก

ส่วนงานด้านการแสดงนั้น CuDi ก็ไปโผล่ในซีรีย์ตลกโปกฮาของ HBO ชื่อ How To Make it In Americaที่มี Mark Wahlberg เป็นโปรดิวเซอร์ เห็นมั้ยครับว่าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

  by : Seth Chotiwong