Forwardmag.com' Artist

Expatriate อินดี้พ็อพร็อคกับซิงเกิ้ล "Crazy"

Expatriate (เอ็กแพทเทรียท)
วงร็อคสัญชาติออสเตรเลียประกอบไปด้วยสมาชิก 4  คน คือ Ben King (ร้องนำ/กีตาร์), Cristo Kollias (กลอง), Damian Press (คีย์บอร์ด/กีตาร์) และ  Dave Molland (เบส).

ทั้ง 4 เริ่มต้นจากการเปิดตัวในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ Expatriate กับเดบิ้วต์อัลบั้ม ‘In The Midst of This’ที่ทำให้พวกเค้าเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชลอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ได้รับชื่อเข้าชิงรางวัล ARIA (ออสเตรเลีย บริท) สาขา “อัลบั้มใหม่ยอดเยี่ยม” และ  "ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม" โดยได้รับแรงหนุนจาก Triple J คลื่นวิทยุเพลงอัลเทอร์เนทีฟยักษ์ใหญ่ในออสเตรเลีย หลังจากที่ได้ทัวร์ทั่วประเทศกับวงชั้นนำอย่าง Powderfinger, Silverchair, The Presets และ Wolfmother เช่นเดียวกับการแสดงในเทศกาลดนตรีทั้ง The Big Day Out และ Splendour

หลังจากได้เซ็นสัญญากับทางค่าย [PIAS] อินเตอร์เนชั่นแนล ‘IN THE MIDST OF THIS’ ได้ฤกษ์เปิดตัวครั้งแรกในยุโรปเดือนเมื่อตุลาคม 2009 เพิ่มเพลงใหม่ที่รวมถึงซิงเกิ้ลสุดฮิต ‘Crazy’ ที่ได้เรียบเรียงและอัดเสียงใหม่ในเมืองซีแอตเติ้ล สหรัฐอเมริกากับจอห์น  กู๊ดแมนสัน โปรดิวเซอร์มือหนึ่งที่เคยทำผลงานให้กับวงดังอย่าง Death Cab For Cutie, Hot Hot Heat และวงแร๊ปในตำนานอย่าง  Wu-Tang Clan นับเป็นอัลบั้มที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลงที่โดนใจ และอัดแน่นไปด้วยดนตรีที่มีคุณภาพ

...“พวกเราต้องการต้องการรวมคุณภาพของการแสดงสดบนเวทีและเทคโนโลยีขั้นสูงในสตูดิโอในการปรับแต่งกีตาร์ ,กลอง และดนตรี ภายใต้คำแนะนำ จากจอห์น”... เบน นักร้องนำกล่าว

ซิงเกิ้ลแรก ‘Crazy’ งานที่ผสมผสานระหว่างดนตรีป๊อปและร็อคได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับท่อนฮุคโดน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของอินดี้ป๊อป พร้อมเสียงเบสอันหนักหน่วง และกีตาร์อันร้อนแรง บวกเนื้อเพลงกระชากอารมณ์ ที่แต่งโดยนักร้องนำ ‘The Spaces Between’   ถูกเลือกให้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ‘Yes Man’ ในปี 2008 นำแสดงโดย Jim Carrey

ล่าสุด Expatriate ยังได้ทัวร์เทศกาลดนตรีในยุโรป ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟน ๆ เป็นอย่างดี เริ่มต้นจากการทัวร์เทศการคอนเสิร์ตระดับโลก Rock Am Ring ในเยอรมัน, เทศกาลดนตรี Arras ในฝรั่งเศส, เทศกาล Werchter and Pukkelpop ในเบลเยี่ยม, Moon & Stars ในสวิสเซอร์แลนด์ Sziget ในฮังการี่ อีกทั้งยังเป็นวงเปิดให้กับ PLACEBO ในอารีน่าทัวร์ ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมปี 2009 อีกด้วย

คลิก MV "Crazy"
www.myspace.com/expatriateband

Jason Castro ไอดอลผมสวย

Jason Castro

หนุ่มวัย 22 ปี จากเท็กซัส เจ้าของตำแหน่งอันดับ 4 จากเวที American Idol ซีซั่น 7 (ซีซั่นเดียวกับสองหนุ่มหล่อ David Cook และ David Archuleta) กับก้าวแรกเข้าสู่ชาร์ตบิลบอร์ดในฐานะงานเพลงโซโล่อัลบั้มชุดแรกของตัวเองอย่างเต็มตัว กับสังกัดใหญ่ Atlantic Records และอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อเดียวกับตัวเอง Jason Castro

เป็นการเปิดตัวที่ได้โปรดิวเซอร์ Eric Rosse (โปรดิวเซอร์ของ Tori Amos และ Sara Bareilles)  อีกทั้งนักแต่งเพลงที่เคยแต่งเพลงให้กับศิลปิน อาทิ Five For Fighting, O.A.R., David Cook และ Train มาร่วมงาน

ซึ่งงานเพลงโดยรวมในอัลบั้มของ Jason Castro จะเป็นเพลงอคูสติกโฟล์คป๊อบฟังสบาย เปิดตัวไปแล้วกับซิงเกิ้ล Let’s Just Fall In Love Again ที่ทะยานเข้าไปสู่ Top 20 ในชาร์ทของคลื่น Eazy FM 105.5 บ้านเราได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมีเพลงที่มีกลิ่นไอร็อคและบัลลาดเพราะๆอีกด้วย

Castro นั้นเล่นเครื่องดนตรีได้ทั้ง กลอง กีตาร์ที่หัดเล่นด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แถมยังแต่งเพลงได้อีกด้วย ด้านงานเพลงในอัลบั้มก็เป็นเพลงใหม่ทั้งหมด มีคัฟเว่อร์อยู่เพลงเดียวคือ "Hallelujah" ที่สาวผิวสี Alexandra Burke นำมาร้องใหม่จนฮิตติดชาร์ตไปทั่วโลก เอาเป็นว่าอัลบั้มนี้...แม้จะไม่ดังเปรี้ยงป้าง เพิ่งขายไปแค่ 2หมื่นก๊อปปี้ แต่เราก็ไม่อยากให้พลาดที่จะทำความรู้จักกับอีก 1 ตระกูลอเมริกันไอดอลที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร

Dreadlocks Hair : ผมที่เห็นเป็นของจริงแท้แน่นอนซึ่งหนุ่มเจสันไว้มา 5 ปี แล้ว ไม่ใช่เป็นผมต่อแต่อย่างใดนะจ๊ะ

คลิก MV "Let’s Just Fall In Love Again "

Deftones - Rocket Skates ต้นฉบับอีโมยุคบุกเบิก

'

Deftones

Diamond Eyes, 2010

วงต้นฉบับอีโมยุคบุกเบิก กลับมาทวงบังลังก์ความล่องลอยกันอีกครั้ง หลังจากความสำเร็จของชุด Saturday Night Wrist เมื่อปี 2007 ทิ้งทวนไปถึง 3 ปี กลับมาคราวนี้ ชิโน่ โมเรโน่ นักร้องนำร่างอวบดูเหมือนจะรีดน้ำหนักออกไปได้อีกโข เพราะเฮียแกกลับมาด้วยลุคที่ดิบกว่าเดิม หุ่นที่เพรียวลงกว่าเดิมไปเยอะ

 

วงร็อคล่องลอยสุดโต่งจากสคราเมนโต้วงนี้ นับได้เป็นวงหนึ่งที่มีผลงานออกมาหลายชุดมาก นับตั้งแต่ฟอร์มวงกันในปี 1988 อีกทั้งยังเป็นแม่แบบให้กับวงอีโม สครีโมยุคแรกๆ อย่าง Glassjaw และ Finch โดยที่วงรุ่นหลังนี้ ออกมายอมรับอย่างเต็มอกว่า พวกเขาชอบและบูชางานชุด Adrenaline และ Around The Fur ของ Deftones เอาไว้บนหิ้งเลยทีเดียว

 

อัลบั้มชุดที่นับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของวงนี้เลยก็คือ White Pony  มีการใช้ซินธ์เพิ่มเข้ามาทำให้บรรยากาศของเพลงล่องลอย บีบประสาทมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่เพลงอย่าง Change(In The House Of Flies) นั้น ได้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ของนักร้องสาว R&B ที่เสียชีวิตไปแล้วนามว่า Alliyah ซึ่งหนังเรื่องนั้นก็คือ Queen of The Damn นั่นเอง

 

จากนั้นมา บรรยากาศของเพลงของ Deftones นั้น ก็มีแต่ความล่องลอย กดจิตใต้สำนึกอย่างแรงมาตลอด คาดว่าหลายๆ ท่านก็คงได้ฟังงานไซด์โปรเจ็คของชิโน่ นักร้องนำ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งก็คือ Team Sleep นั่นเอง โดยที่งานชุดนี้ นับว่าเป็น Experimental Rock ระดับคลาสสิคอัลบั้มหนึ่ง ซึ่งนักวิจารณ์ต่างๆ นั้น พยายามจะจัดแนวดนตรีให้วงนี้อยู่เป็นที่เป็นทาง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากครับ เพราะมันก้ำกึ่ง ผสมกันไปหมด มีทั้ง alternative metal, art rock, dream pop, experimental rock, nu metal, post grunge,progressive rock, alternative rock และ rap metal เห็นมั้ยครับว่ามันวุ่นวาย เยอะแยะขนาดไหน -*-

 

ตัวชิโน่เอง ก็นับได้ว่าเป็นกวีคนนึงเลยครับ  ถึงขนาดที่นักวิจารณ์ของนิตยสาร Times ได้กล่าวถึงเขาและวงนี้ว่า …“ถ้าจะเอ่ยถึง ให้เอ่ยถึงอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าเอ่ยถึงพวกเขา”... แค่นี้คงรับประกันได้แล้วว่าเพลงมันเน้นอารมณ์ขนาดไหน ตัวชิโน่เองนั้น ชื่นชม Morissey, นักร้องนำแห่ง Weezer ซึ่งก็คือ River Cuomo , Robert Smith แห่ง The Cure,H.R. แห่ง  Bad Brains , PJ Harvey และ David Gahanแห่ง Depechemode เห็นมั้ยครับ ว่าคนที่เขาชื่นชมนั้น มันอัจฉริยะด้านการแต่เพลงแท้ๆ เลย

 

มาที่ Deftones อีกครั้ง ด้วยความบ้า บรรยากาศล่องลอยของตัวชิโน่เองนั้น เขาได้นำความเป็นตัวตนนั้นใส่ลงไปในเพลงของ Deftones อย่างเต็มเปี่ยม โดยมีความลงตัว ไม่เลี่ยน ไม่เอียน อย่างที่หาฟังได้ยาก ไม่เหมือนวง Experimental วงอื่นๆ

ซิงเกิ้ล Rocket Skates ที่ปล่อยออกมาชิมลางก่อนนั้น ทำให้ผมนึกถึงงานชุด White Pony ขึ้นมาตะหงิดๆ เพียงแต่มันมีความกลมกล่อมและหนักกว่า แต่หนักหน่วงแบบละมุนละไม ฟังได้เพลินและโยกหัวตามโดยไม่รู้ตัว….ก็ตั้งตารอกันต่อไปครับ งานชุดนี้จะออกมาในเดือนพฤษภาคม วันที่ 4  แต่ยังไง ตอนนี้ไปเปิดยูทูบดูเอ็มวีเพลง “Rocket Skates” กันก่อนได้ ในกรณีที่ทนไม่ไหว

Deftones - Rocket Skates (Official Video)

by : Seth Chotiwong