Forwardmag.com' Artist

Angels and Airwaves วงของ Tom Delonge /Blink182

Angels and Airwaves

Love (2010)

 

หลังจากเจอโรคเลื่อนมาได้พักนึง เมื่อ 12 กุมภาก่อนวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา 4 หนุ่มที่รวมตัวกันด้วยการนัดหมาย ก็ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มชุดล่าสุดออกมา Love ให้แฟนๆได้ฟังกัน หลังจากที่มีข่าวว่าจะปล่อยอัลบั้มนี้มาตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส

 

ความสำเร็จจาก 2 ชุดที่ผ่านมา (We Don’t Need To Whisper ในปี 2005 และ I-Empire ในปี 2007) ทำให้ทางวงมีกลุ่มแฟนเพลงเฉพาะของตัวเองขึ้นมากลุ่มหนึ่งที่นับได้ว่าใหญ่เอาเรื่อง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ Tom Delonge เคยเป็นนักร้องนำแห่ง Blink182 มากุมบังเหียนแทบจะทุกอย่าง โดยที่ตัวเขาเองได้กล่าวว่างานชุดนี้นั้น เปรียบได้กับ Spacerock ที่นำเอา Radiohead และ U2 มาผสมกันบวกกับอารมณ์ของ Pink Floyd ในแบบฉบับที่มีความเป็นอวกาศสุดๆ

 

Hallucination ซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมานั้น เห็นได้ชัดเลยว่า ทางวงได้เพิ่มกลิ่นอายความเป็นอิเลคโทรนิคขึ้นมาอย่างชัดเจน อารมณ์ความล่องลอยของเพลงทั้งอัลบั้ม สามารถเทียบได้กับ Pink Floyd เลยทีเดียว แม้อาจจะไม่หม่นเท่ากับวงรุ่นพ่ออย่างที่ตัว Tom ได้อ้างไว้

 

ซึ่งทางวงนั้น ไม่ได้คิดจะนำเอาแฟนเพลงของ Blink182 มา แต่ต้องการที่จะสร้างฐานแฟนเพลงของตัวเองที่ชอบในซาวนด์ของวงขึ้นมาเอง (และผมคิดว่า พวกเขาก็ทำสำเร็จแล้วครับ)

 

นอกจากนั้น ยังมีหนังจอใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกันกับอัลบั้มนี้ โดยชื่อของหนังเรื่องนี้ก็เป็นชื่อเดียวกับอัลบั้ม ซึ่งก็คือ Love นั่นเอง โดยที่ Tom นั้นกล่าวถึงหนังเรื่องนี้ไว้ว่า ...“เหมือน กับการเล่าเรื่องราวของชีวิตคนและโชคชะตา แต่ในขณะเดียวกันในเวลาที่เป็นความจริงก็ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งๆนั้นพิเศษขึ้น มา โดยการบรรยายในลักษณะคล้ายวงกลมที่สรุปเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่ในแคปซูลกาล เวลา”…

 

อัลบั้มชุดนี้นับได้ว่าฉีกออกไปจาก 2 ชุดแรกอย่างชัดเจน เสียงอิเลคโทรนิคที่ยิ่งฟังยิ่งลอย อารมณ์ของเพลงที่ต่อเนื่องกันอย่างไม่มีที่ติ เหมาะสำหรับการจะตั้งใจทำอะไรซักอย่าง ช่วยให้เรามีสมาธิเพิ่มมากขึ้นอีกโข

  http://www.myspace.com/angelsandairwaves
http://www.angels-and-airwaves.com/

by : Seth Chotiwong / 

Millionaires 3สาวสุดแสบเนื้อเพลงสุดสะเด่า

Millionaires

สามสาวโคตรแสบ  พี่น้อง Melissa Marie Green และ Allison Green กับแนวร่วมตัวป่วน Dani Gore จาก  Orange County ที่สามารถทำให้ Madonna wanna be อย่าง Lady Gaga ง่อยรับประทาน กับ Elictronic สุดป่วงและเนื้อหาเพลงสุดสะเด่า

 

Millionaires เกิดจากสองพี่น้อง Melissa และ Allison Green แกร่วไปแกร่วมาไม่มีอะไรทำ ด้วยความว่างจัด เลยใช้โปรแกรมการาจแบนด์ทำเพลงขึ้นมาเล่นๆ (เพลงนั้นคือซิงเกิ้ลแรก “I Like Money”) และพุทธิปัญญาคงบังเกิด จึงคิดตั้งชื่อวงขึ้นมา เพื่อคิดจะสร้างชื่อบน MySpace จากนั้น อีกวันถัดมา สาวแสบอีกนางหนึ่งก็เข้ามาสบทบกองกำลัง ซึ่งก็คือ Dani Gore นั่นเอง

 

ด้วยอายุอานามของสมาชิกในวงที่แก่สุดก็คือ 21 ปี ( Dani Gore) ทำให้เพลงและตัววงค่อนข้างสด แถมด้วย Electronic sound ที่ค่อนข้างตื๊ดและมีกลิ่น 80’s อยู่สูง ทำให้เพลงของสามสาวค่อนข้างเหมาะกับการเที่ยวคลับ กินจนอ้วกแตกอ้วกแตนอย่างแรง

 

ซึ่งทางวงเองนั้น ก็ได้ออกทัวร์ร่วมกับวงอื่นๆ ที่เป็นเพลงในทางเดียวกัน นั่นก็คือ Crunkcore นั่นเอง(ฮิพฮ็อพแบบมินิมัลเซาท์เธิร์น+เบรคดาวน์แบบเทคโน+เสียงซินธ์แบบสำเร็จรูป+เสียงร้องแบบไม่ได้เรื่องเท่าไหร่นัก+แนวคิดปาร์ตี้แบบสุดโต่ง ไม่อ้วกไม่เลิก) ซึ่งมีหัวขบวนเป็นวง Scremo Crunk อย่าง Breathe Carolina ด้วย

 

แม้ว่าเพลงแนวนี้จะไม่ค่อยได้ยอมรับจากนักดนตรีด้วยกันเองนัก แต่ตามความรู้สึกแล้ว

เพลงของสามสาว เหมาะสำหรับการออกไปเที่ยวกินเหล้าเมาปลิ้นอย่างแรง โดยเฉพาะช่วงเงินเดือนออก ขอแนะนำ Just Get Paid, Let’s Get Laid และ Alcohol รับรองว่าเข้ากับสถานการณ์อย่างเหมาะสมที่สุด

"JUST GOT PAID LETS GET LAID" OFFICIAL VIDEO!

และนี่คืออีกวงที่ไม่ดังแต่น่าจะแรงและเจ๋งพอ จนเราไม่อยากให้คุณพลาดที่จะรู้จักพวกเธอ Millionaires

Special Thanks : Seth Chotiwong /  http://completelywasted.blogspot.com/

allison green from the millionaires

Melissa Marie Green

melissa &allison form the millionaires

Owl City หนุ่มหล่อมาแรงเจ้าของ #1US./UK. "Fireflies"

Owl City

หนุ่มมาแรงสังกัด Universal Music จาก Minesota  ผู้บุกเบิกตลาดเพลง Synthpop/ซินธ์พ็อพ ด้วยซิงเกิ้ลฮิตติดหูเพลงโปรดของหลายๆ คนในช่วงนี้กับซิงเกิ้ล “Fireflies” ที่สามารถขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของ UK / US. Chart ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Owl City หรือหนุ่ม Adam Young (อายุเท่าไหร่ไหงไม่บอกแฮะ) เริ่มจากการทำเพลงในห้องใต้ดินที่บ้านของพ่อแม่ช่วงที่เขายังทำงานอยู่ในโกดังของโคคาโคลา เนื่องจากเขานอนไม่หลับ! จนเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังบนเว็บสุดฮิตในวงการเพลงอินดี้ อย่าง Myspace และด้วยความเจ๋งของเพลงที่ทำขึ้นมา ได้ไปสะดุดหูของ Universal เข้า  จึงได้เก็บกระเป๋า เข้าค่ายใหญ่ไปโดยปริยาย

เพลง Owl City ได้รับอิทธิพลทางด้านดนตรีค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ Disco ไปจนถึง Emo และ Alternative อีกทั้งเจ้าตัวเองก็เติบโตขึ้นมาด้วยการฟังเพลงอย่าง Imogen Heap, Relient K, Boards of Canada และArmin van Buuren ซึ่งก็ไม่แปลกเลยที่ถึงแม้ว่าเพลงของ Owl City จะมีความเป็นอิเลคโทรนิคอยู่สูง แต่มันก็ยังคงถึงความเป็นเพลงป็อปได้อย่างชัดเจน ตัว Owl City  เอง ยังได้ออกทัวร์กับวงป็อปพั้งก์อย่าง Relient K และยังมีเครดิตจากการโปรดิวซ์เพลงของ Relient K อีกด้วย  หากตั้งใจฟังเพลง “Fireflies” ดีๆ ล่ะก็ จะได้ยินเสียงของ Matt Theissen แห่ง Relient K มาร้องแบ็คอัพให้กับเขาด้วย

 

แม้ Owl City จะถูกเอาไปเปรียบมวยกับวงรุ่นพี่อย่าง The Postal Service ว่าเหมือนกันอย่างกับแกะ ตัวอดัมเองก็ออกมายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้านเลยว่า ตัวเขาเองก็เป็นแฟนเพลงเหนียวแน่นหนึบของวงนี้เหมือนกัน จึงไม่แปลกที่เพลงของเขาจะออกมาคล้ายวงรุ่นพี่ที่เขาปลื้ม

 

ซึ่งถ้าหากเราฟังดีๆ ก็จะเข้าใจได้ทันทีเลยว่า ถึงแม้จะเป็นเพลง Synthpop เหมือนกัน แต่ Owl City นั้น แตกต่างจาก The Postal Service อย่างที่เราๆ สามารถรู้สึกได้เลย เพราะความเป็นป็อปของตัวอดัมนั้น ได้ถูกใส่ลงไปในเพลงอย่างล้นเปี่ยม เหมือนกับฟังวงป็อปร็อค ที่เล่นด้วยเครื่องดนตรีอิเลคโทรนิคเลยทีเดียว

 

กำลังโหลด...

 

ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักโด่งดังในนาม Owl City กับอัลบั้มเปิดตัวอย่าง Ocean Eyes ภายใต้สังกัดใหญ่ Owl City ออกงานมาแล้ว 1 ชุดเมื่อต้นปี 2008 กับ Maybe I'm Dreaming   

และล่าสุด "Vanilla Twilight" ซิงเกิ้ลที่ 2 ของอัลบั้ม ก็ปล่อยออกมาแล้ว ดูทีท่าว่าจะยังแรงไม่พอ

แต่ขอบอกว่าได้รับคำชมมากมายในภาพรวมของอัลบั้ม เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มนึงที่เอาไว้ฟังเพลินๆ เวลาขับรถ หรือทำงานได้เลย…รับรอง

 

 

by : Seth Chotiwong