"most people don't know how to make love " ...Lily Allen
>> เธอชอบปาร์ตี้ มีคนเรียกเธอว่า นังอ้วน นังอั๊กลี่ Eมาวไม่เลิก แน่ล่ะ...เธอคือศัตรูคู่บี้ปาปาฯ เจ้าของฉายา “นักร้องปากปีจอ” “เจ้าแม่แฟชั่นสุดจี๊ด” (มีแบรนด์เสื้อผ้า-แอสเซสซอรี่-รองเท้าของตัวเองออกมาในปี 2007 ใช้ชื่อ Lily Love) “Teen Icon”, “Queen of MySpace” ทั้งหมดคือฉายาในช่วง 3 ปีในวงการของนักร้องสาววัย 23 Lily Allen อีกหนึ่งทีนไอดอลของยุคนี้ ความภาคภูมิใจของคนอังกฤษที่มาพร้อมกับเทรนด์อะไรๆ ก็ Another Lily Allen ไม่ใช่ Another Michelle Branch or Avril Lavigne…ที่มีลูก*ผัวมากวนใจอีกต่อไป
>> อัลบั้มแรก Alright, Still ปี 2006 ขึ้นถึงอันดับ #2UK. ชาร์ต เช่นเดียวกับซิงเกิ้ลเปิดตัว “Smile” อันดับ #1UK. เมื่อเดือน July 2006 และปลายปีเดียวกันนี่เอง อัลบั้มนี้ ก็ถูกโหวตให้เป็นอันดับ 3 อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีของนิตยสาร Mixmag ปี 2007 มันถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลต่างๆ มากมาย ทั้ง Best British Album / BRIT Awards, Best New Artist / MTV Video Music Awards และ 2008 Grammy Award สาขา "Best Alternative Music Album" มียอดขายรวมปัจจุบันกว่า 3,300,000 ก๊อบปี้ทั่วโลก ไม่นับขาแจมที่โหลดอัลบั้มเจ้าแม่ไซเบอร์คนนี้ไปฟัง...ก่อนจะปวารณาตัวเป็นสาวกตัวจริง ชื่อของ Lily Allen กลายเป็นศิลปินระดับ Top ของต้นสังกัดไปในที่สุด
>> แม้สาวจากลอนดอนคนนี้ จะเป็นลูกสาวของโปรดิวเซอร์หนัง มีคุณป๋าเป็นถึงนักแสดง/นักดนตรีนาม Keith Allen แต่ชีวิตในวัยพรีทีนก่อนจะมาเป็น Lily Allen ที่ทั่วโลกรู้จักในวันนี้ เจ้าหล่อนผ่านการย้ายโรงเรียนมาแล้วถึง 13 ครั้งก่อนที่จะเลิกเรียนกลางคัน หันมาค้นพบตัวเอง ถามตัวเองว่าเธออยากเป็นนักร้องแค่ไหน อายุ 15 เธอก็แต่งเพลงได้แล้ว ปีต่อมาเธอก็ก้าวเข้าสู่สังกัดวอร์เนอร์ถือสัญญาในมือเมื่อปี 2002 แต่ขอโทษ คุณเธอออกจะก๋ากั่น มาให้ทำเพลงอิงแนวโฟลค์...ลี่รับไม่ได้ค่ะ ยิ่งฝีไม้ลายมือด้านการแต่งเพลงที่เรียกความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นแรงผลักดันด้วยแล้ว 2 ปีต่อมา Lily Allen เข้าสู่สังกัด Regal ลูกหม้อของ Parlophone อีกที แต่กระบวนการทำเพลงทุกขั้นตอนทุกก้าวกระโดด...มีเพลงอยู่ในมือก็แล้ว ยังแจ้งเกิดได้เสนอหน้าไปไม่ถึงไหน เธอเลยเอาเดโมของตัวเองที่ทำไว้ ไปโพสต์ที่มายสเปซ ขณะเดียวกับชื่อเสียงเครดิตที่ได้มาจากการร้องเพลงโชว์ตามคลับ ก็ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น “Smile” งานเพลงแรกฝีมือเจ้าตัว ก็เกิดไปโดน เข้าหู Mark Ronson ที่ลงทุนชักชวนให้บินไปร่วมทำเพลงด้วยกันที่นิวยอร์ก และก็ได้เพลงอย่าง “Littlelest Things” ตามมา โดยมี Mark Ronson และ Greg Kurstin โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันอีกคนที่เข้ามาดูแล จนออกมาเป็นอัลบั้มแรกที่ชื่อ Alright Still ที่ผลจากมายเสปซแท้ๆ พาให้อัลบั้มนี้ ส่งตัวเองข้ามไปเข้า Top 20 ฝั่งอเมริกากะเขาด้วย ได้เข้าชิง Brit Awards ในปีนั้นถึง 5 สาขาด้วยกัน
>> ท่ามกลางข่าวฉาว ชีวิตที่ขึ้นมาเป็นคนดังต้องรับมือกับพวกปาปาฯ มีภาพสะลึมสะลือออกจากคลับเป็นว่าเล่น กลางปี 2007 Lily เขียนในบล็อกมายเสปซว่า ตัวเองเธอนั้น …"อ้วน, น่าเกลียด, น่าสมเพชซะยิ่งกว่า (Amy) Winehouse"… เธอเคยให้สัมภาษณ์ และสารภาพว่า สมัยวัยรุ่นอายุแค่ 14 เธอเคยใช้ยาอี เล่นโคเคน สิงหาปี 2008 เธอบอกกับนักข่าวว่า ..."ฉันไม่ได้พูดว่าจะไม่กลับไปใช้ยาอีก ฉันแค่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนดีแน่ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีมันอยู่ "..
>> นอกจากจะดื่มจัดแล้ว เรื่องบุหรี่ก็พอๆ กัน Lily เพิ่งมาเลิกมันก่อนที่จะรู้ตัวว่าท้องตอนที่เดทกับ Ed Simons แห่ง Chemical Brothers ตั้งแต่ช่วงกันยา 2007- ต้นปี 2008 เมื่อมีข่าวว่าเธอแท้ง ตามมาด้วยอัลบั้มที่จำต้องเลื่อนจากเดิมที่จะมีกำหนดออกในปี 2008 ไม่ใช่ต้นปี 2009 ทั้งคู่ก็แยกทางกันไม่นานหลังจากที่ Lily แท้ง ส่งผลให้สาวซ่าส์ของเรา ทำตัวเป็นฟรีเซ็นเตอร์เนเจอร์กิฟอยู่พักใหญ่ให้แฟนๆ ได้ส่ายหน้า ปลายปี 2008 Lily หยุดดื่มตามคำแนะนำนำของนักบำบัดที่ต้นสังกัดส่งมากำราบศิลปินสาวอนาคตซูเปอร์สตาร์คนนี้อย่างจริงจัง และด้วยเหตุผล …"ชั้นโคตรจะเบื่อและเซ็งกับไอ้พวกที่มันหาว่าฉันเมาอยู่ได้ตลอดเวลา "... Lily ยอมเชื่อฟัง ฝืนตัวเองอยู่ได้ไม่นาน ทันทีที่อัลบั้ม “It’s Not Me, It’s You” วางขายพร้อมกับหุ่นที่เฟิร์มเข้าที่ แม่สาวแสบซ่าส์หน้าหวาน Lily Allen คนนี้ ก็กลับมาดื่มอีกครั้ง แน่ล่ะมันต้องรวมถึงช่วงที่เธอเริ่มทัวร์ด้วย
>> It's Not Me, It's You วางขายที่อังกฤษไปเมื่อ 9 กุมภา 2009 และที่อเมริกาในวันถัดมา เปิดตัวที่อันดับ #1 UK. เช่นเดียวกับซิงเกิ้ลแรก ‘’The Fear’’ โดยที่ US. นั้นเปิดตัวที่อันดับ #5 ทันทีที่หยิบ 2 เพลงตัวอย่างไปโพสต์ไว้ที่ MySpace พลางออกตัวว่าอัลบั้มนี้ เธอจะมาพร้อมทิศทางดนตรีแบบใหม่ ครั้งที่แล้วยึดแนวย้อนยุคเรโทร มาถึงยุคนี้ ใครๆ ก็ตามก้นเธอไปซะหมด และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ Lily Allen ไม่เลือกที่จะร่วมงานกับเจ้าเก่าอย่าง Mark Ronson ที่เคยเวิร์คด้วยกันมาแล้ว แต่ดึง Greg Kurstin โปรดิวเซอร์ที่ร่วมงานกันในชุดที่แล้วถึง 3 เพลง ( รวมถึงเคยทำเพลงให้ The Bird And The Bee) มาเช่าสตูดิโอในแอลเอ ทำเพลงแต่งเพลงตามติดทุกกระบวนการด้วยกัน เริ่มต้นลงมือในปี 2007 โดย Lily นั้นเขียนเพลงไปพร้อมๆ กับเปียโนที่ Kurstin เล่น ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาตรงที่ เมื่อเพลงเสร็จสมบูรณ์แล้ว Lily คือคนจัดการเนื้อร้องที่เหลือ
>> The Fear ซิงเกิ้ลแรกในแนวอิเลคโทรป็อป และเนื้อหาของอัลบั้มที่ข้องเกี่ยวกับช่วงชีวิตที่ผ่านมา มุมมองโลกที่โตขึ้นตามวัยของสาวคนนี้ ชีวิตเธอ เรียกได้ว่ามีครบทุกรส ทั้ง เผ็ด หวาน เปรี้ยว และ ขม แต่ถึงกระนั้น Lily Allen ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจและเป็นไอดอลของสาวๆ อีกหลายคน รวมถึงความหวังของคนดนตรี โลกไซเบอร์ ที่ไม่ได้จำกัดว่าต้องขึ้นอยู่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เท่านั้น
Comments
You can follow this conversation by subscribing to the comment feed for this post.