Forwardmag.com' Artist

The Pussycat Dolls

 

... พลังของหญิงสาว เกิล์ดพาวเวอร์ของสาวยุคนี้

ความโดดเด่นอันมีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง...

...สุดเหวี่ยงในการร้องและการเต้น ....ที่พูดได้เต็มปากว่า ..

....นี่คือความโดดเด่น และเอกลักษณ์ของสาวฮ็อต ร้อนฉ่าทั้ง 5...The Pussycat Dolls

 

>> The PussyCat Dolls คือกลุ่มนักเต้นโชว์ที่โด่งดังสุดๆใน ลอสแองเจอลิส ด้วยสไตล์แบบ Burlesque สุดเร่าร้อน หลังจากนั้นไม่นาน Robin Antin จึงเปลี่ยนพวกเธอให้กลายเป็น Music Group ในที่สุด PCD คืออัลบั้มแรกในปี 2005 ของเหล่า The Dolls ที่สามารถขึ้นถึงอันดับ 5 บนบิลบอร์ด เปิดตัวด้วยเพลงสุดฮ็อตของปีนั้น Don’t Cha ที่ได้ Busta Ryhmes มา featuring ขึ้นถึงอันดับ 2 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 1 บน UK Chart!!

 

>> สาวๆ Pussycat Dolls ที่มีแกนนำตัวแม่ อย่าง Nicole Scherzinger วัย 29 กับสมาชิกที่ว่ากันว่า พวกเธอเป็นแค่ตัวประกอบ เข้าๆ ออกๆ ประกอบไปด้วย

- Melody Thornton (2003-present)

- Jessica Sutta (2002-present)

- Ashley Roberts (2001-present)

- Kimberly Wyatt (2002-present)

และอดีตอย่าง

- Carmit Bachar (1995-2008)

- Asia Nitollano (2007)

 

>> อัลบั้มแรกของ Pussycat Dolls  มีซิงเกิ้ลฮ็อตฮิตมากมาย รวมถึง StickWitU  ซิงเกิ้ลที่ 2 (#5 US./ #1UK.) ที่ทำให้ The PussyCat Dolls ได้เข้าชิงแกรมมี่สาขา Best POP Performance By Duo Or Group ตามด้วยรางวัลการันตีอีกมากมาย ไม่ว่าจะ Best Video of 2006 ของ VH1's Top 40 Videos 2006 , Best Dance Video - MTV Video Music Awards 2006 และจนถึงปัจจุบัน อัลบั้ม PCD ทำยอดขายได้ไปมากกว่า 7 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก!!

 

>> กันยายน 2008 นี้ The Pussycat Dolls เตรียมพร้อมที่จะกลับมาเขย่าบัลลังก์ Girl Power ของยุคนี้อีกครั้ง สยบข่าวลือวงแตก หรืออาจจะเป็นเพราะโชคช่วยของสมาชิกสาวๆ ที่เหลือยังอยู่ก็ว่าได้ เนื่องจากตัวแม่ของวงอย่าง Nicole Scherzinger นั้น เกิดไม่ประสบความสำเร็จกับงานเดี่ยว เลื่อนแล้วเลื่อนอีก มีเสียงบ่นจากแฟนๆ ว่า “ยังจะขายอีกเร้อเจ๊” นิ่งสนิททั้ง 5 ซิงเกิ้ล  ซึ่งล่าสุดก็มีคิวเลื่อนไปปีออก 2009 นู่น  โดย Doll Domination  ชุดนี้ ได้โปรดิวเซอร์สุดฮ็อตของชั่วโมงนี้อย่าง Timbaland, Cee-Lo, Rodney Jerkinsและ Sean Garrett มาร่วมงาน เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ล When I Grow Up ฝีมือโปรดิวซ์ของ Rodney Jerkins ที่อาศัยชื่อของ Britney Spears มาเสริมบารมีความแรงของตัวเอ็มวีนี้  ไหนจะซิงเกิ้ลที่ 2 “Whatcha Think About That" โปรดิวซ์โดย Polow Da Don ที่ได้อีเจ๊  Missy Elliott มาเพิ่มสีสันร่วม feat. ตามติดด้วยซิงเกิ้ลบัลลาดอย่าง I Hate This Part รวมถึงเพลงที่น่าสนใจ เจ้าเก่าขาแจมคนคุ้นเคย Snoop Dogg กับ "Bottle Pop" และ  "Outta This Club" (featuring R. Kelly) และบัลลาดติดหูที่เคยโดนกันมาแล้วจากอัลบั้มชุดแรกกับแทร็คที่ชื่อ "Psycho" 

 

>> ซึ่งในส่วนของการโปรโมทอัลบั้มนั้น ชุดที่แล้วมาเปิดตัวกับสื่อเอเชีย โดยเลือกเมืองไทยเป็นที่แถลงข่าว กับโชว์เล็กๆ ที่คลับรูท RCA  ซึ่งคอเพลงสากลในช่วงนั้นยังไม่ค่อยรู้จัก แฟนๆ ของพวกเธอก็ไม่ยักกะมี แต่กลับบ้านเกิดไปติดชาร์ตบิลบอร์ดแล้วนู่นแหละ บ้านเราถึงได้มากรี๊ดกัน ซึ่งครั้งนี้สาวๆ ตัวแม่ของเด็กๆ แถวนี้ ก็เลือกที่จะไปเปิดตัวแถบเอเชียกันที่งาน MTV Asia Awards  แต่แน่นอนว่าอัลบั้มวางขายอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่  พวกเธอก็จะเริ่มออนทัวร์ที่ US., Europe, Australia รวมถึงแพลนที่จะมาทัวร์ Asia กันด้วย ซึ่งถ้ามาบ้านเราครั้งนี้ล่ะก็ไม่ได้เสนอหน้าอยู่แค่คลับ แต่ต้องไปกันถึงสถานที่ใหญ่ๆ ขายตั๋วรับมือกับแฟนคลับที่นับวันจะมากขึ้นๆ The PussyCat Dolls ในวันนี้ พวกเธอเปรี้ยวจนโดนใจเพศที่ 3 ไปแล้วจริงๆ

 

>> ในส่วนของปีหน้านั้น มีข่าวว่าสาวๆ Pussycat จะออกทัวร์ร่วมกับ Ne-Yo ที่จะมีอัลบั้มใหม่ชื่อ Year of the Gentleman  ออกมาโดยใช้ชื่อว่า  "Dolls & Gentlemen: An Evening with Ne-Yo and The Pussycat Dolls"

 

....เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความเดิร์น เปรี้ยว เก๋ เริ่ดซะไม่มีกับ  Doll Domination ขายแล้ว 23 กันยา

เผลอๆ ยอดถึงเป้า โปรโมเตอร์บ้านเราจะได้ไปเจรจาช่วงชิงตัว มาเปิดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบที่นี่ยังไงล่ะ

...ของเค้าดีจริงๆ คอนเฟิร์ม ดูแค่โชว์เล็กๆ มาแล้ว ทุกวันนี้ยังกรี๊ดดดไม่หาย

 

Single  Charts  US. UK

 "Don't Cha" #2 US. #1UK.

"Stickwitu" #5 / #1

"Beep" #13 /  #2 

"Buttons" #3 / #3

"I Don't Need a Man" #93  / #7

"Wait A Minute" #28 US.

"When I Grow Up" #9 US. 

 

http://www.myspace.com/pussycatdolls

Miley Cyrus ชื่อนี้ไม่รู้จักไม่ได้แว้วว

 

Miley Cyrus

"The New Britney or just another Hilary Duff”? "

  

>> สาวน้อยไซส์อวบ ผมบลอนด์คนนี้ เธอมีชื่อแรกเกิดว่า Destiny Hope Cyrus แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเอาฤกษ์อย่างเป็นทางการเป็น Miley Ray Cyrus ใช้ชื่อกลางของคุณพ่อก็เมื่อมกราคม 2008 ต้นปีนี่เอง แหงล่ะ!!!ชื่อนี้อาจจะคุ้นกับคอเพลงสากลหลายๆ คน เพราะ Miley Cyrus ก็คือลูกสาวของซูเปอร์สตาร์นักร้องคันทรี่ย์ Billy Ray Cyrus นั่นเอง โดยที่มาของชื่อเล่น "Miley" นั้น คุณพ่อของหนูไมลี่ย์บอกเล่าถึงเหตุผลว่า เป็นเพราะลูกสาวคนนี้ มักจะยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ภาษาอังกฤษก็ย่อมาจากคำว่า "Smiley" อีกทีนั่นเอง น่ารักไม่ใช่เล่น เข้าใจตั้งแฮะชื่อนี้

  

>> Miley Cyrus เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1992 เพิ่งจะมีอายุแค่ 16 ปี แต่ก็ติดอันดับนักแสดงวัยรุ่นที่ทำเงินได้มากที่สุดคนนึงในฮอลลีวู้ดไปซะแล้ว แถมมาแปลกที่ว่าใครๆ ก็รู้จักและเรียกขานสาวน้อยคนนี้ถึง 2 ชื่อด้วยกัน ชื่อแรกก็คือ Miley Cyrus ส่วนอีกชื่อที่ทำเอาน้องๆ หนูๆ  หลายคนในบ้านเรางงเต๊กว่า เอ๊ะคนเดียวกันหรือเปล่าตกลงมันชื่อไหนกันแน่ นั่นก็คือ Hannah Montana พ็อพสตาร์สาวร่างเดียวกะ Miley Stewart ใน Hannah Montana ทางช่อง Disney Channel ที่แทบจะกลายเป็นอีกชื่อของหนูไมลี่ย์ แจ้งเกิดให้กับสาวน้อยหน้ามน วัยกำลังอวบอัดคนนี้ ที่เข้ามาออดิชั่นเริ่มอาชีพนักแสดงเต็มตัว ด้วยวัยแค่ 12 เท่านั้น

 

>> หลังจากที่ Hannah Montana ออกอากาศครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมปี 2006 ชื่อนี้ก็โด่งดังเป็นขวัญใจเด็กๆ เมืองมะกันในชั่วพริบตา ตามด้วยโชว์ในเดือนตุลา แตกยอดออกมาเป็นซีดีซาวนด์แทร็คอัลบั้มที่แม่หนู Miley Cyrus นั้นได้ร้องเองถึง 8 เพลงด้วยกัน หนึ่งปีหลังจากนั้นในเดือนธันวาปี 2007 สายน้อยวัยทีนของเราก็มีชื่ออยู่ในลำดับที่ #17 นิตยสาร Forbes จัดอันดับ Top 20 ผู้มีรายได้สูงสุดอายุน้อยกว่า 25 ว่ากันว่าในปีนั้น แม่หนูเพิ่งจะ 15 แต่ฟันรายได้ไปตั้ง $3.5 ล้าน และยังเป็นเดือนที่เริ่มถ่ายทำโปรเจ็กต์หนัง Hannah Montana: The Movie กันไปแล้ว โดยวางโปรแกรมฉายไว้ที่ 1 พฤษภาคม 2009 ถือเป็นสาวน้อยดิสนี่ย์ที่มีย่างก้าวความสำเร็จไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Hilary Duff เลยสักนิด เผลอๆ Miley Cyrus ออกจะล้ำหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

(ส่วนนี้อ่านต่อ Guitar Premire issue Sep.) 

>> ล่าสุดแม่หนูก็ทยอยออกภาพหลุดฉาว เอ้ยไม่ใช่ดิ อัลบั้มที่เทียบได้กับโซโล่ชุดแรกที่ไม่เกี่ยวกับ Hannah Montana เฟรนไชส์ นั่นก็คือ “Breakout”  ที่ขอบอกว่า เห็นเด็กๆ แถมยังเป็นเด็กดิสนี่ย์แบบนี้ แต่อัลบั้มนี้ อีหนู Miley ได้ใช้เพลงที่ตัวเองเขียนด้วยนะจะบอกให้ โดยใช้เครดิตชื่อว่า Destiny Hope Cyrus

 

…"อัลบั้มนี้เขียนเองหมดค่ะ มีไม่ได้เขียนอยู่แค่ 2 เพลง ชุดที่แล้ว 'Meet Miley Cyrus' ที่เป็นมากกว่าการแนะนำตัว รู้จักตัวตนของฉัน  แต่ชุดนี้มันลงลึกมากกว่านั้นค่ะ ลองมาดูกันสิว่าปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของชั้นบ้าง พูดถึงการแต่งเพลงแล้วไม่ว่าชั้นจะอยู่ตรงนี้อีกนานเท่าไหร่ แต่ชีวิตที่เหลือนั้นชั้นอยากจะเป็นนักแต่งเพลงค่ะ ชั้นรักมันมาก สำหรับอัลบั้มชุดนี้แล้ว นอกจากการเป็นนักแสดงได้ร้องเพลงออกอัลบั้ม ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่า ฉันก็เป็นนักแต่งเพลงคนนึงเหมือนกัน”…

 

>> “Breakout”  นั้น เปิดตัวที่อันดับ #1 Billboard ภายใต้สังกัด Hollywood Records มี "7 Things" ซิงเกิ้ลแรกในแนวพ็อพร็อคไปได้สวยในชาร์ต และยังทำให้วัยรุ่นทั่วโลก สามารถเครซี่แม่สาวน้อยผมบลอนด์หน้าตางั้นๆ คนนี้ ได้เช่นเดียวกับเด็กวัยรุ่นเมืองมะกันเค้าเหมือนกัน  อีกอย่างหนูไมลี่ย์นั้น เธอก็บอกโต้งๆ แล้วว่า เธอมี Hilary Duff เป็น Role Model เช่นเดียวกับเด็กสาวในวัยเดียวกันทั่วไป แต่เอ ทำไมคุณน้องถึงได้มีแต่ข่าวฉาวและโฉ่ ตรงข้ามกับพี่ฮิลล์เค้าล่ะจ๊า  

 

>> เอาเป็นว่าปีหน้า เราก็จะได้ชม Hannah Montana ฉบับขึ้นจอเงินกันแล้ว ด้วยอายุแค่นี้ และความดังขนาดนี้ เชื่อแน่ว่า แฟนๆ คงจะได้เห็นแม่หนู Miley Cyrus ในถนนบันเทิงเส้นนี้ไปอีกนาน ไม่ว่าจะผลงานด้านการแสดงหรือร้องเพลง ซึ่งเธอก็มี  Role Model ตอนแก่ไว้เดินตามอีกคน นั่นก็คือ  Dolly Parton นักแสดงสาวอกบึ้มดีกรีนักร้องคันทรี่ย์ควบคู่ไปด้วยนั่นเอง หุหุ หนู Miley นั้นให้เครดิตกับ Aunt Dolly (ต๊าย ดีนะไม่เรียกย่า) ซึ่งเธอบอกเองว่า ชีวิตของเรา 2 คนคล้ายกันมากๆ ค่า และก็อยากที่จะก้าวตามรวมถึงประสบความสำเร็จให้ได้อย่าง Aunt Dolly แต่แหมนะ คงไม่ไปอัพอึ๋ม หรือทำศัยกรรมเพิ่มตามหรอกใช่ม๊า แต่อีกมุมนึง คุณน้องก็มีแต่ข่าวฉาวๆ ภาพหลุดๆ จนสื่อแทบจะยกให้ขึ้นเป็น The New Britney Spears ได้เลยเหมือนกันนะ  เอาเป็นว่า Miley Cyrus จำชื่อนี้ไว้ให้ดีละกัลล์ ชื่อนี้แฟนๆ ชาวไทยจะได้อ่านข่าวเธอบ่อยๆ ไปอีกนานแน่ๆ ชัวร์ๆ เลยล่ะ

 

My Space 

www.mileycyrus.com 

 

 

ผลงานที่ผ่านมา

Hannah Montana Albums

2006: Hannah Montana

2007: Hannah Montana 2: Meet Miley Cyrus

2008: Hannah Montana 2: Non-Stop Dance Party

2008: Hannah Montana & Miley Cyrus: Best of Both Worlds Concert

Soundtracks

2006: DisneyMania 4

2007: Music from and Inspired By “Bridge to Terabithia“

2007: DisneyMania 5

 

 

 

Usher เร้าใจสุดๆ กับ Love In This Club

 

 Usher

>> เจ้าพ่อ R&B อันดับ 1 จรลีกลับมาแย่งซีนทวงบัลลังก์ชาร์ตจากเด็กๆ รุ่นหลังด้วยอัลบั้มล่าสุดลำดับที่ 5 “Here I Stand” ที่กรุยทางอย่างสวยหรูด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว "Love In This Club" feat. Young Jeezy นั่งแป้นอันดับ # 1 บิลบอร์ดซิงเกิ้ลมาเรียบร้อยเป็นเพลงที่ 8  แถมยังทำเก๋มาด้วยมุขภาคต่อสุดจะเวิร์คขายได้กับ  "Love in This Club, Part II" ที่ได้ตัวช่วยเป็นถึงสาว  Beyoncé  และ Lil Wayne มาร่วม feat. ด้วยเพลงติดเรท ลีลาเนิบๆ ที่ทำบรรดาเอาคลับในแถบอเมริกาต่างสยิวไปตามๆ กัน แต่บ้านเรานั้นสยิวกิ้วกว่าเป็นไหนๆ  เพราะอัลบั้มของพี่อั๊ตนั้น SONY & BMG ซีนแพ็คเกจแจกถุงยางแถมมากับทุกซีดีมันซะเลย อ๊าย! สาบานได้ว่า บัดเดี๋ยวนี้ ถุงให้ไป make love เอ๊ย love in this club ที่ว่ามันก็ยังแปะติดอยู่กับซีดีไม่ได้ถูกนำมาแกะส่องว่ายี่ห้ออะไร ไซส์ของ Usher ต้องขนาดไหน ผิดกับคุณพี่ในวงการท่านนึงเห็นบอกว่าขอมาเก็บตั้งเป็นร้อยแน่ะ ^_^!      

 

>> อันตัวพี่มืด Usher นั้นมีชื่อจริงว่า Usher Raymond IV ปีนี้ย่าง 30 พอดีเด๊ะ  เห็นอายุเพิ่งจะเหยียบเลข 3 เช่นนี้ แต่ในทางกลับกัน พ่ออั๊ตของสาวๆ มะกันนั้น เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 14  และออกอัลบั้มแรกขณะอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น คืออัลบั้ม ‘Usher’ ในปี 1994 ปัจจุบันพี่อั๊ตแกเป็นเจ้าของยอดขายกว่า 30 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลก  5 รางวัลแกรมมี่  เจ้าของค่าย US Records รวมถึงเครดิตนักแสดง ซึ่งในส่วนของอัลบั้มชุดที่แล้วนั้น ‘Confessions’ ในปี 2004 ขึ้นอันดับ 1 นานถึง 9 สัปดาห์ด้วยกัน จนได้รับตำแหน่ง ‘Best Selling Artist’ ในปีนั้น เพลงดังก็มีทั้ง Yeah!!, My Boo, Burn, Confessions และ Confessions Part II ที่เมืองมะกันชาร์ตบิลบอร์ดนั้น นั้น คุงพี่ Usher แกน่ะเจ้าชายอาร์แอนด์บีดีๆ นี่เอง แต่ในความรู้สึกของคุงพี่กลับเฉยๆ แฮะ ฟัง Ne-Yo ฟัง Chris Brown ซิงเกิ้ลของ 2 คนนี่ ไม่ยักกะง่วงเท่า ไฉนเลยถึงดังและถูกหูคอเพลงบ้านเรามากกว่าของพี่อั๊ตแกก็ไม่รู้แฮะ มิทราบได้

 

>> ว่ากันว่าอัลบั้มที่ 5 ‘Here I Stand’ นั้น เดิมตั้งใจจะเลื่อนไปออกปลายปี 2008  จากที่เคยตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะขายอัลบั้มชุดนี้ตั้งแต่ตุลา ปี 2007 แต่โปรดิวเซอร์ Polow da Don นั้นแอบปล่อยซิงเกิ้ลแรก ‘Love In This Club’ ในเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี่เอง เพื่อเดินตามรอยความสำเร็จของ Lil Jon ที่เคยแอบปล่อยเพลง Yeah!! จากชุดที่แล้วในปี 2004 และเวิร์คมาก่อน ทำให้ Usher ต้องเลื่อนออกอัลบั้มเร็วขึ้น 3 เดือน หลังจากปล่อยซิงเกิ้ล เป็นวางขายใน UK.  26 พฤษภา และอีก 1 วันถัดมาใน  US.  โดยสัปดาห์แรกนั้น เปิดตัวด้วยยอดขายสูงถึง 433,000 ก๊อปปี้ อันดับ #1 บิลบอร์ดอัลบั้ม ซึ่งในส่วนของปีนี้เป็นรองก็แต่ E=MC² ของแม่ Mariah Carey ที่เปิดตัวไปด้วยยอด 463,000  

 

>> Here I Stand ที่นอกจากจะได้ Young Jeezy ที่มาร่วมงานกับ Usher เป็นครั้งแรกแล้ว ยังได้นักร้องชื่อดังอีกหลายคนมาช่วยเพิ่มสีสันให้กับอัลบั้ม ทั้ง Beyonce , Lil Wayne รวมถึง Will.I.Am ที่โปรดิวซ์เองร้องด้วยกับ ‘What’s Your Name’ และ Jay-Z กับ ‘Best Thing’  ในส่วนของโปรดิวซ์เซอร์นี่ก็คุ้นๆ ทั้งน้าน Tricky Stewart , Danja, The Dream, Jermaine Dupri, Stargate และ J. R. Rotem

 

                                                                      น้ำหอม Usher

>> ซิงเกิ้ลแรก. "Love in This Club" (feat. Young Jeezy) # 1US >> คลิก MV

>> ซิงเกิ้ลที่ 2 "Love in This Club, Part II" (feat. Beyoncé & Lil Wayne) #18

>> ล่าสุด "Moving Mountains" #67 >> คลิก MV

 

Fact

>> US Records ค่ายเพลงของ Usher ก่อตั้งในปี 2002 อยู่ในเครือ  J Records ของ Clive Davis สังกัด Sony BMG อีกที อัลบั้มแรกที่ออกมาคือซาวนด์แทร็ค In the Mix ปี 2005 และศิลปินในสังกัดตัดมาแค่ซิงเกิ้ลอาทิ Rico Love (แร็พ),  One Chance (R&B group) และ Rayan

>> มิถุนาปี 2007  Usher และคู่หมั้นสาว Tameka Foster ประกาศว่าพวกเขากำลังจะมีลูกชายด้วยกัน  รวมถึงแพลนที่จะจัดงานแต่งงาน ในเดือน กค. 2007 แต่แคนเซิ่ล และแต่งงานจัดพิธีเรียบๆ ในภายหลัง เมื่อวันที่ 3 สิงหา ลูกชายของทั้งคู่ชื่อว่า Usher Raymond V

>> Usher สนับสนุน Barack Obama อยากออกนอกหน้าเหตุผลน่ะเหรอ ก็รู้ๆ กันอยู่

>> คุณพ่อของ Usher เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นปีนี่เองในเดือนมกราคม

>> อันดับ # 1 บิลบอร์ดทั้ง 8 เพลง ของ Usher มีดังนี้

"Nice & Slow" (1997), "U Remind Me",  "U Got It Bad"  (2001)

"Yeah!" (featuring Lil Jon & Ludacris), "Burn", Confessions Part II" , "My Boo" (duet with Alicia Keys) (2004)

และ "Love in This Club" (feat. Young Jeezy) 200

Jesse McCartney กลับมาครั้งนี้ อะไรก็เปลี่ยน

Jesse McCartney

>> แค่ชื่อก็การันตีถึงความหล่อ และเสียงกรี๊ดของหนุ่มสาววัยพรีทีนได้เป็นอย่างดี สำหรับหนุ่มคนนี้ Jesse McCartney เจ้าของเพลงฮิตจากอัลบั้ม 2 ชุดแรก ไม่ว่าจะ Beautiful Soul หรือ Just So You Know เอาเป็นว่าหนุ่มคนนี้เค้ากลับมาแล้วล่ะจ้า ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่า จะมาเรียกหนุ่ม Jesse McCartney ของเราว่าเป็นเจ้าหนูดิสนี่ย์ เห็นที่จะไม่ได้แล้วนะ เพราะกลับมาครั้งนี้ นอกจากหน้าจะอืดขึ้นแล้ว ยังโตเป็นหนุ่มเต็มตัวกล้ามเนื้อแตกเปรี๊ยะๆ ในวัย 21 แถมก่อนจะมาออกอัลบั้มนี้ยังได้เครดิต-ได้หน้ามาเต็มๆ จากการมีส่วนร่วมแต่งเพลงดัง Bleeding Love อันดับ #1 US.บิลบอร์ดชาร์ตร่วมกับ Ryan Tedder แห่งOne Republic (อ่านต่อ The Guitar Premire)

>> จากสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในวงบอยแบนด์ Dream Street แจ้งเกิดในซีรี่ย์ Summerland จนมีโอกาสได้มาออกอัลบั้มโซโล่ กลายเป็นขวัญใจของสาวๆ วัยพรีทีนทั่วโลก อ้อรวมถึงหนุ่มๆ ด้วย ก็แหมนะ เคยหล่อใส ไร้มลพิษซะขนาดน้าน มาครั้งนี้ Departure เปิดตัวด้วยซิงเกิ้ล Leavin’ ที่ลอยลำขึ้นไปถึงอันดับ #10 US. ชนิดที่เกินคาด แถมมางวดนี้งานเพลงจากที่เคยพ็อพใสธรรมดา กลับกลายเป็นพ็อพที่หนักไปทางอาร์แอนด์บี ถือเป็นการปรับเปลี่ยนลุคและแนวเพลงครั้งใหญ่ เทียบได้กับ Justin Timberlake ผสม Chris Brown อย่างไงอย่างงั้นเลยเชียว หนุ่ม Jesse ของเราโชว์ฝีมือแต่งเพลงถึง 3 เพลงด้วยกันในอัลบั้ม ในส่วนของโปรดิวเซอร์ก็มี Tricky Stewart, The-Dream, Sean Garrett, The Clutch และ J.R. Rotem

คุณน้องพยายามจะบอกว่า 2 อัลบั้มแรกนั้นแตกต่างไปจากงานใน Departure ชุดนี้โดยสิ้นเชิง แล้วอะไรล่ะจ๊ะคือสิ่งที่เปลี่ยน? >> ผมว่ามันเป็นไปตามครรลองโดยธรรมชาติเลยนะครับสำหรับซาวนด์ของผมที่เปลี่ยนไป เพราะจริงๆ แล้วผมมีความคุ้นเคยและรู้สึกสบายๆ กับ R&B มากกว่า เวลาว่างผมก็ฟังพวกนี้ เขียนเพลงบ้างฟังเพลงบ้าง จะบอกว่าผมโตมากับสไตล์เพลงแบบนี้เลยก็ได้ ผมอยากทำเพลงให้ได้แบบคนวัย 21 หรืออะไรที่โตกว่านั้น แฟนๆ สมัยผมอายุ 16 ตั้งแต่สมัย Beautiful Soul ผมว่าตอนนี้พวกเขาก็คง 21 ด้วยเหมือนกัน คงอยากได้ยินอะไรที่มันต่างไปจากเดิมบ้าง ซึ่งผลตอบรับที่ได้มาก็เป็นบวก มันได้ผลครับ

อัลบั้มนี้คุณน้องได้ใช้เพลงที่ตัวเองแต่งตั้งหลายเพลง นี่คือสิ่งที่คุณน้องชอบ และรู้สึกสนุกที่จะทำมันเลยใช่ป่ะ?
>> มากๆ เลยครับ ผมเขียนเพลงมาก็หลายปีแล้วนะ ตอนนี้ผมว่าฝีมือผมก็พอตัวแล้ว อีกอย่างเวลาไปเขียนเพลงร่วมกับคนอื่นก็เป็นอะไรที่สนุกมาก

มีอะไรที่แฟนเพลงไม่รู้แล้ว คุณน้องอยากบอกให้รู้มะ?
>> อืมม์ ผมชอบทำอาหารครับ!

....จ้า..... อัลบั้มนี้ แฟนๆ ของหนุ่มเจสในออสเตรเลียและเอเชีย จะได้เฮกับโบนัสแทร็ค ที่คราวนี้เป็นเสียงของเจ้าตัวในเพลง "Bleeding Love" ซึ่งนำมาทำและโปรดิวซ์ใหม่โดย The Clutch ตัวอัลบั้มมีวางขายในบ้านเราแล้วเรียบร้อย กับบ้านหลังใหม่ Universal นะจ๊ะ ^_^!

Travis-Simple Plan Live In BKK 29-07-08

ภาพคอนเสิร์ต Travis-Simple Plan มันส์ต่างขั้ว อิ่มใจกลับบ้าน 

ก่อนอื่นตามไปดูภาพงานแถลงข่าวของทั้งสองวง
http://www.forwardmag.com/webboard/topic-39102.html

ครั้งนี้งงกับอิมแพคมาก ฮอลล์เหลือครึ่งเดียว ส่วนข้างหน้าสร้างเวทีขึ้นมา แต่เหลือแค่นี้ ที่นั่งก็ไม่เต็ม แอบลุ้นตอน Simple Plan เล่นที่อยู่ข้างนอกกินเบียร์มาดู Travis อะไรนั่นน่ะให้รีบเข้ามาซะที เพราะครั้งนี้ เทโรเล่นอย่างงี้เลย ทุ่ม 15 ก็เปิดเพลงสรรเสริญฯ ให้ทุกคนข้างนอกได้ยินชัดๆ ยืนตัวตรงกันเลย ว่าคอนเสิร์ตจะเล่นแล้วนะขอรับคุณๆ ทั้งหลาย

นี่ขนาด 2 วงต่างขั้วต่างแฟนชนกันนะเนี่ย เห็นที่เค้าบอกว่าคนชอบเพลงร็อคไม่ค่อยมีตังค์ (รวมถึงยังเด็กด้วย) สงสัยจะจริงแฮะ เพราะที่ผ่านมาวงอย่าง coldplay - keane หรือร็อคเฟสไหนๆ ก็คนไม่เยอะดังคาด

Simple Plan

ซัดไป 15 เพลง เล่น 2 ทุ่มเลิก 3 ทุ่ม












ไม่อยากจะบอกว่าคุณพี่อยู่แถวหน้าด้านข้างติดรั้วเวทีเลยค่ะ
เลยได้เห็นตาเดฟเดี๋ยวก็ปริ๊ด เดี๋ยวก็ถุย
น้ำลายค่ะหนูขา ลุ้นไม่ให้ตาเดฟลื่นหัวคะมำเวทีเพราะน้ำลายตัวเองนี่แหละ

ปิ๊น่ารักสุดๆ อ้วนเหมือนกันนะเรา ยังไงก็พั้งก์ซ้าวงนี้ ด้วยกลองของชัคและเสียงร้องของปิแอร์
ใส่ไม่ยั้งมาแต่เพลงเร็วๆ โดดๆ มาจนมาจบด้วยอังกอร์ perfect เพลงเดียวนี่แหละ
แฟนๆ งี้ร้องตามกันแบบศิลปินปลื้มขอบคุนคั่บ ไหว้แล้วไหว้อีก
แถมนายปิ๊ยังมีลิสต์ภาษาไทยมาอ่านโชว์ด้วย
"ฉานลักเมืองไทย"........"ยูดีมั่กๆ" ฟังไม่ออกค่ะหนูประมาณนี้แหละ

แต่เอาเป็นว่าเจ้าเดฟกับนายปิ๊แกขอบคุณแฟนๆ นับครั้งไม่ถ้วนเลยละกัล์ ยังรื้อฟื้นความหลังด้วยว่าไม่ได้เจอกันมา 2 -3ปีแล้ว ยังจำเสียงกรี๊ดครั้งที่แล้วๆได้อยู่เลย ว่าแล้วก็ขอซาวน์เสียงซะหน่อย

อ้อสำหรับ Simple Plan แฟนๆ วงนี้ ถ้ามองจากการแต่งตัวและอายุซึ่งส่วนใหญ่ก็เด็กๆ ทั้ง ญ.ช /อินเตอร์ รวมถึงแฟนคลับที่มาชูป้าย ก็พอจะรู้ว่ามาดู SP แน่นอน ร้องตามกันได้หลายเพลง โดยเฉพาะ Perfect นี่ ได้ใจศิลปินไปเต็มๆ จนศิลปินเองยังปลื้มต่อแฟนๆ ชาวไทยที่ทำให้พวกเค้ารู้สึกถึงคอนเนคชั่นและความคุ้นเคยที่มีกับแฟนเพลงที่นี่ไปเองโดยอัตโนมัติ ยืนยันได้ด้วยคำของนายปิ๊ที่ว่า I love u Bangkok, we lov u Thailand มากกว่าสองครั้ง

นอกจากจะเล่นเพลง Save You ที่ไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อนมอบให้ BKK ที่นี่เป็นที่แรกแล้ว ยังแอบมาด้วยมุขร้ายกาจ ประมาณว่าเด๋วจะเล่นเพลงใหม่เพิ่งแต่งอาทิตย์ที่แล้วให้ฟัง
แต่นแต๊น........Low เวอร์ชั่น Simple Plan โดดซ้า....มันส์เป็นบ้า


เพลงเจ๋งๆ ที่เล่น (เรียงตามนี้เลย)
3.Shut Up ต่อด้วย Jump, When I'm Gone, Addicted To You, Your Love Is A Lie,
Time To Say Googbye, Welcome To My Life, I'd Do Anything อังกอร์ Perfect

แจกทั้งปิคทั้งไม้กลองอื้อเลยค่ะวงนี้

Travis
ซัดไป 19 เพลง เล่น 2105น. เลิก 5 ทุ่มเป๊ะ









เฮียฟรานของเรามาในมาดแบบว่าเสื้อยืดตัวย้วยเรียบง่ายจิงๆ ร้องไปสลับกีตาร์ 2 ตัวกับกีตาร์โปร่งไปมา 2 ในนั้น อย่างเก่าและเก๋ามาก ยิ่งมือเบสนี่ สีงี้ถลอกปอกเปิก

สำหรับ Travis แน่ละ ขนซิงเกิ้ลมาใส่ในลิสต์นี้ถึง 12 เพลงด้วยกัน เรียงตามนี้เลย
Writing To Reach You, Selfish, Beautiful Occupation, Side, Love Will Come Through, Closer, Drifwood, All I Want To Do Is Rock, Turn อังกอร์ Flowers In The Window, Why Does It Always Rain On Me

และยังหยิบเพลงใหม่ J. Smith ที่จะตัดเป็นซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มที่จะวางขายในเดือนกันยานี้(ย้ายค่ายมาอยู่ Universal) มาร้องด้วย แต่ขอโทษลิสต์ที่ได้มาจากการเล่นเมื่อวันที่ 26 กค.นั้นตรงเป๊ะทุกเพลง มีเพลงที่ถูกตัดออกไปคือ re-offender ที่ไม่ได้เล่น และตัดอังกอร์ออกไป 2 เหลือ 2 เพลง

ด้านแฟนๆ ของวงนี้ก็ใช่ย่อย ส่วนใหญ่จะโตๆ กันแล้วซึ่งถ้าใครที่เป็นแฟนของวงนี้ ได้มาดูพวกเค้าเล่นสดล่ะก็ บางเพลงดนตรีนี่รู้สึกถึงความแน่นและดุดันคนละเรื่องกับที่เราได้ฟังจากในซีดี ดูได้จากอาการเมามันส์ของมือกีตาร์ที่ส่ายหัวร็อคอยู่หลายเพลง โซโล่ก็มี ในส่วนของฟรานนั้น ก็สลับกีตาร์เป็นว่าเล่นเปลี่ยนมันได้ทุกเพลง ส่วนใครที่อยู่ฝั่งซ้ายฟากมือเบสล่ะก็ เป็นต้องขำกับท่าตุ้งติ้ง อ้อนแอ้นของพี่แกสุดขีด ตาของพี่เค้างี้...จิกเป็นระยะ โปรยยิ้มตลอด ตอนแถลงข่าวก็มีคนพูดมาทีนึงละว่าพี่แกดูสาวจัง เอาเป็นว่าคนข้างๆ แมนแท้ๆ 100% ที่ไปด้วย ยังเห็นด้วยเลยว่า มือเบส ของ Travis สาวมากๆ ดูพี่แกเพลินๆ ก็ฮาดีน่ะ

..........ซึ่งก็คือทีเด็ดของ Travis นี่เลยจ้า
....สมาชิกทั้ง 4 ที่เพิ่มคีย์บอร์ดมาอีก 1 ได้ออกมากอดคอกันร้องอคูสติกเพลง
Flowers In The Window หน้าเวทีแบบชนิดที่ทำให้แฟนตัวจริงปลาบปลื้มลืมตายมากๆ
ก่อนจะกลับไปประจำที่ด้วย Why Does It Always Rain On Me ที่เฮียฟรานร้องขอให้เปิดไฟเห็นหน้าค่าตากันชัดๆ face to face และขอให้คนดูบนที่นั่งยืนขึ้น โดดไปกับเพลงนี้ ปิดท้ายด้วยความประทับใจและโดนใจแฟนเพลงไปเต็มๆ ดูมาแทบจะทุกคอนเสิร์ตก็มีคอนเสิร์ตนี้แหละ ที่เดินออกจากอิมแพคด้วยความรู้สึกเต็มอิ่ม จุใจ และสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ยกนิ้วให้กับทั้ง 2 วงและผู้จัดอย่าง BEC TERO เลยค่ะ ที่ทำให้เกิดคอนเสิร์ตดีๆ น่าประทับใจแบบนี้เกิดขึ้นได้

ปล.ใครถามถึง Kylie จะมาทัวร์ไหม ช่วงนี้ยังไม่มีใครอัพเดทจะมาเลยจ้า



มีสับคอร์ดเปลี่ยนมือกันเล่นด้วย มีภาพจากมือถือเน่าๆ อีกแล้วมาฝาก พอให้เห็นภาพ



ว่ะ 55 นี่อะไร เฮียฟรานหยิบแว่นอารัยมาใส่เนี่ย น่าร้ากกก ใส่เล่นอยู่เพลงนึง